วันอาทิตย์ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2555

เลย : เชียงคาน

บันทึกการเดินทาง ตอน ทริปพักใจ...ไปเชียงคาน
23-25 กรกฎาคม 2553

 
นานมากแล้วที่ไม่ได้สะพายเป้เดินทางไกลไปเที่ยว ได้เพื่อนสะพายเป้เดินทางไกลใหม่คนหนึ่ง ก็เลยลงเอยกันที่....เชียงคาน

มาถึงแล้ว....เชียงคาน

สวัสดีเมืองเชียงคาน...เช้านี้อากาศค่อนข้างเย็น ที่จริงแล้วเย็นตั้งแต่บนรถทัวร์แล้วล่ะ มาถึงที่นี่ก็สว่างแล้ว อากาศเย็นกำลังสบาย ผู้คนยังไม่มากเท่าไหร่ พอมาถึงก็ไม่รู้จะทำอะไร ก็เลยเดินวนเวียนถ่ายรูปเล่น

ริมโขง

วันนี้เราพักกันที่ "เรือนแรมลูกไม้" เป็นตึกปูนสีขาว ซึ่งเป็นบ้านพักของคหบดีเก่า แล้วดัดแปลงมาทำโฮมสเตย์ บ้านพักดูขลังมาก 





หลังจากล้างหน้าล้างตาเรียบร้อยแล้ว ก็เตรียมตัวออกเดินทางต่อไป ที่นี่เมืองเล็ก ๆ สถานที่ท่องเที่ยวจึงมีไม่มากนัก และผู้คนส่วนใหญ่ก็ใช้จักรยานเป็นพาหนะ แต่คราวนี้เราอยากไปไกลสักหน่อย ก็เลยเช่ารถแมงกาไซด์ขับไปเรื่อย ๆ ประมาณ 15 กม. ก็ถึงพระใหญ่ ก็เลยมากราบไหว้ซะก่อน
พระองค์ใหญ่มาก...คนตัวเล็กนิดเดียว
ที่นี่อากาศค่อนข้างร้อน แต่ก็ยังไม่ย่อท้อ ไหน ๆ ก็มาทั้งทีแล้ว ก็ขับแมงกาไซด์ไปอีก ประมาณ 5 ก.ม. ก็ไปถึง "แก่งคุดคู้" เป็นแก่งหินที่อยู่ในแม่น้ำโขง ซึ่งอยู่ระหว่างไทย กะ ลาว

แก่งคุดคู้...ช่วงนี้น้ำเยอะ เลยไม่เห็นแก่ง
                                      
เมืองนี้เป็นเมืองเล็ก ๆ ริมฝั่งแม่น้ำโขงที่ยังมีร่องรอยวิถีชีวิตของชาวบ้านให้เห็น แม้ผู้คนในตอนกลางวันจะมีไม่มากนัก แต่พอตกค่ำก็มีผู้คนมากหน้าหลายตาเดินไปเดินมาให้ขวักไขว่บนถนนคนเดิน ร้านค้าแต่ละร้านมีของที่ระลึกที่มีลักษณะเฉพาะของร้าน รวมทั้งบ้านขิงชาวบ้านที่ทำเป็นโฮทสเตย์ให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสกับวิถีชีวิตของชาวบ้าน รวททั้งอาหารพื้นเมืองและของขึ้นชื่อ ไม่ว่าจะเป็นข้าวเปียกเส้น ก๋วยจับญวน ปาท่องโก๋ยัดไส้ และที่ขาดไม่ได้....ไข่กระทะในมื้อเช้า...
                                                


 หวังว่าคงจะมีโอกาสได้มาเยี่ยมเยียนอีกครั้ง

วันเสาร์ที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2555

กาญจนบุรี : ทริปรถด่วนขบวนสุดท้าย

บันทึกการเดินทาง ตอน ทริปรถด่วนขบวนสุดท้าย
10 ตุลาคม 2553


หลังจากไม่ได้เดินทางท่องเที่ยวเป็นเวลานาน (อันที่จริงก็ห่างจากทริปอัมพวา 1 เดือนเท่านั้น) ก็เลยเริ่มมีอาการอยากท่องเที่ยวขึ้นมา จึงได้เกิดทริปนี้...ทริปรถด่วน...ขบวนสุดท้ายขึ้น



ขอต้อนรับผู้โดยสารเข้าสู่เส่นทางการเดินทางเที่ยวรถไฟสายน้ำตก ต้นทางกรุงเทพมหานคร ปลายทางกาญจนบุรี เพื่อนร่วมเดินทางวันนี้ 5 คน ขณะนี้เป็นเวลา 6.30 น. เริ่มต้นการเดินทาง...ถึงก็ช่างไม่ถึงก็ช่างปู้น ปู้น



สถานีต่อไป...นครปฐม...ผู้โดยสารสามารถรับประทานอาหารเช้าได้ตามอัธยาศรัย สถานีนี้แวะเพื่อให้รับประทานอาหารเช้าเท่านั้น พอท้องอิ่มก็เดินทางต่อ

สถานีต่อ...สะพานข้ามแม่น้ำแคว....ผู้โดยสารสามารถถ่ายภาพบรรยากาศได้จากสถานีนี้...อากาศที่นี่ค่อนข้างร้อน แต่ก็ไม่มากเท่าไหร่ ได้ลงมายืดแข้งยืดขา และเก็บภาพบรรยากาศได้สักพัก ก็เดินทางต่อ





สถานีต่อไป...ท่ากิเลน...ระหว่างทางนี้ผู้โดยสารจะต้องข้ามแม่น้ำแคว พอผ่านสักพักหนึ่ง ณไกด์ประจำทริปนี้ก็แนะนำให้อธิษฐานขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์แล้วคำอธิษฐานนั้นจะเป็นจริง เข้าทางดิชั้นเลยค่ะ พอผ่านปุ๊ป ดิชั้นและคาดว่าเพื่อนสาวร่วมทริปอีก 2 คน คงอธิษฐานอย่างเดียวกันว่า "ท่านเจ้าขา...ขอให้พบเนื้อคู่กับเค้าสักทีเถอะ" แล้วอีกสักพักก็วิ่งผ่านช่องเขาขาด แล้วก็มาถึงสถากิเลน...ท่านสามารถเปลี่ยนเส้นทางจากรถไฟเป็นรถตู้ได้ที่สถานีนี้




เปลี่ยนเส้นทางการเดินรถจากรถไฟเป็นรถตู้ และมุ่งหน้าสู่อุทยานประวัติศาสตร์เมืองสิงห์ โดยการนำและอธิบายจากไกด์ประจำทริป เดินชมไป ถ่ายรูปไป หลังจากนั้นก็ไปชมโครงกระดูกมนุษย์โบราณ



ขณะนี้เป็นเวลา 12 นาฬากา ท้องก็เริ่มหิวโดยบัดดล ได้แวะรับประทานอาหารกลางวันที่ "บ้านริมแคว-แพริมน้ำ" พออิ่มอร่อยกับอาหารที่ทางไกด์จัดไว้ให้ ก็ลงแพข้ามฟากไปที่เส้นทางรถไฟสายมรณะ แวะไหว้พระที่ถ้ำกระแช และถ่ายรูปตามประสานักท่องเที่ยว





สถานีต่อไป...สุสานทหารพันธมิตร...หลังจากที่มีมติเป็นเอกฉันท์ของสมาชิกร่วมทริป ซึ่งได้ลงความเห็นกันว่า ควรจะเติมเต็มสิ่งที่ขาดหายในท้องให้เต็มเสียก่อน สถานีนี้จึงเป็นสถานีเดียวที่ไม่เป็นไปตามโปรแกรม แต่ทำให้ท้องอิ่มได้

สถานีต่อไป...กรุงเทพมหานคร...ขอขอบคุณผู้โดยสารทุกท่านที่ใช้บริการการรถไปแห่งประเทศไทย...เจอกันใหม่โอกาสหน้า...สวัสดีค่ะ

วันเสาร์ที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2555

ระยอง : ชิล ๆ ณ เกาะเสม็ด

บันทึกการเดินทาง ตอน ชิล ๆ ณ เกาะเสม็ด
27-28 กุมภาพันธ์ 2553


     ทริปชิล ๆ กับเพื่อน ๆ ณ เกาะเสม็ด ก็จำไม่ได้หรอกนะว่ามาที่นี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่ แค่อยากไปชิล ๆ กับเพื่อน ตื่นตั้งแต่เช้า นัดกับเชาและกำปูที่อนุเสาวรีย์ ก่อนที่จะไปเจอกันกับเก๋ที่ท่าเรือ ถึงแม้ว่าจะเป็นทะเลฝั่งอ่าวไทย และไม่ไกลจากกรุงเทพมากนัก วันนี้เรามาพักที่หาดทรายแก้ว เป็นหาดแรกของเกาะเสม็ดก็ว่าได้ ผู้คนก็เลยค่อนข้างพลุกพล่าน ส่วนอากาศก็ค่อนข้างร้อน พอถึงที่พักได้ก็บ่ายกว่า ๆ เกือบเย็น เก็บของพักผ่อนเรียบร้อยก็ออกมาเดินถ่ายรูป

   
      ตกเย็น ก็ชักหิว ก็เลยสั่งอาหารทะเลเต็มที่อย่างไม่เกรงใจใคร ก็ด้วยความหิวนี่นา อุ๊ย !!! วันนี้มีโชว์ด้วย คืนวันพระจันทร์เต็มดวงกับ Full Moon Party @ Koh Sa Med ฝรั่งเต็มร้านอาหารเลยค่ะ ทั้ง กิน ดื่ม และแดนซ์อย่างเมามัน นี่ไม่ใช่แนวอย่างเรา ๆ พอกินเสร็จก็เลยจรลีหนีดีกว่า

      
     หลังจากที่ท้องอิ่ม ก็เลยมานั่งดื่มด่ำกับดวงดาว เสียงคลื่น และที่ขาดไม่ได้คือ Smirnoff กำลังดื่มด่ำกับธรรมชาติอยู่ดี ๆ ไอ้เพื่อนตัวดีก็มาบิ้วต่อมน้ำตาแตกทำไมเนี่ย เรื่องบางเรื่องมันไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้.....ขอร้องอย่า

    เช้านี้ที่เกาะเสม็ด...ตื่นเช้าไม่รู้จะทำอะไร เพื่อนชาย 2 คนก็เลยไปเช่ารถแมงกาไซด์ ขี่รถเล่นรอบเกาะกัน ทั้งเมื่อย ทั้งร้อนและดำ แต่ก็ยังสนุกไม่รู้ลืม...แล้วเจอกันใหม่นะคร้า


จริง ๆ เพื่อนเชาตั้งกล้องเพื่อที่จะถ่าย นางทั้ง 2 ที่อยู่ข้างหลัง

วันอาทิตย์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2553

กาญจนบุรี : ล่องแพสังขละบุรี

บันทึกการเดินทาง ตอน ล่องแพสังขละบุรี
3-4 ตุลาคม 2552


          ผู้ร่วมเดินทางในทริปนี้มี 6 คน กับ "วู่หลิง" (รถตู้ขนาดเล็กนำเข้าจากจีน กำลังน้อย ค่อย ๆ ไป) หลังจากรวบรวมสมาชิกได้ครบก็เริ่มต้นการเดินทางกัน ตลอดการเดินทางมีผู้คนสงสัยใน "วู่หลิง" มองตั้งแต่หน้ารถจนท้ายรถ ถ้าเปรียบ "วู่หลิง" เป็นคน ก็มองตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า ไอ้เราก็นั่งขำในความสงสัยของคนอื่น ขับไปเรื่อย ๆ ใจเย็น ๆ จนแวะเติมพลังที่น้ำตกไทรโยกน้อย มันสั่งอาหารเหมือนกันอดอยากมาเป็นปี และเมนูแนะนำก็คือ "ยำเห็ดโคน" เป็นเห็ดป่า แต่เห็ดบ้าอะไรไม่รู้แพงมากมาย ยำจานเดียว มีเห็ดอยู่ประมาณ 2-3 ดอก ราคา 150 บาท (ไม่ได้เคี่ยวนะคะ แต่ขอบ่นนิดนึง) แล้วก็เดินทางต่อ


          
           ระหว่างทางเต็มไปด้วยภูเขา รถเล็กอย่างเราก็ต้องค่อย ๆ ไป จะขึ้นเขาทีก็ต้องลุ้นที สุดท้ายมอเตอร์ไซด์ก้แซงเราไปจนได้ จนมาถึง "จุดชมวิวป้วนปี่ อุทยานแห่งชาติเขาแหลม" บรรยากาศดีมากมาย น่ามากางเต้นท์มาก ลานทุ่งหญ้า ริมแม่น้ำแควน้อย แต่ที่น่าประทับใจที่สุดก็คือ "ห้องอาบน้ำ" แบบ Open Air ไม่มีหลังตาปิด อาบน้ำท่ามกลางธรรมชาติ ถ่ายรูปอย่างอิ่มหนำสำราญแล้วก็เดินทางกันต่อ



           สังขละบุรีนี่ไกลใช่เล่นเลยนะเริ่มต้นการเดินทางประมาณ 9 โมง ถึงปลายทาง Songgraria River Hut & Resort ก็ 5 โมงเย็นได้ สักพักก็มีเรือจาก "ซองกระเรียน้อย" มารับ พอถึงแพได้ก็ไม่พูดหร่ำทำเพลง ลงแพ แล้วโดนไปลอยแพที่กลางแม่น้ำแควน้อย ที่ที่มีแต่เรา 6 คนเท่านั้น สนุกสนานกับการเล่นน้ำท่ามกลางแสงจันทร์ ไม่มีน้ำประปาให้อาบก็อาศัยน้ำแม่น้ำนี่แหล่ะ เล่นเหนื่อยก้อหิว ขึ้นจากน้ำก็กิน ทริปนี้ไม่มีพ่อครัวหัวป่าก์มาทำกับข้าวให้กิน ก็ต้องฝากท้องกับเจ้าของแพ ค่ำคืนนี้อีกยาวไกลจากอาหารหลัก ก็มาถึงเครื่องดื่มประจำทริป "Red Lable" ที่มือเบสส่งมาอภินันทนาการ ด้วยทนแรงกดดันไม่ไหว และแล้วก็มาถึงทีเด็ดของทริปด้วยเกมส์ "Spin The Bottom" ถามอะไร ตอบได้ คำถามเฮฮาตามประสามิตรสหาย แต่เรื่องที่ถามส่วนใหญ่ เรื่องใต้สะดือกันทั้งนั้น (ความลับๆๆๆๆ) หมดขวดก็ได้เวลานอน....คืนที่มืดสงัด มีแต่เสียงเรือกลไฟเป็นเพื่อน.....





           ลืมบอกไป..เมื่อคืนนอนกัน 4 คนบนเตียง แล้วก้อมีหนอนน้อยมันเอาหัวมาทางดิชั้น แล้วก้อเอาหาง เอ้ย ขาพาดกับเพื่อนอีก 2 คน มันช่างทำได้ค่าาา แต่ก็นอนหลับอย่างสนิท เช้ามาไม่อยากจะตื่น อากาศมันช่างดีอะไรเช่นนี้ แถมฝนตกพรำ ๆ ไม่นานฝนก็หายไป ตื่นมาก้อกิน ข้าวต้มหมูในยามท้องว่างช่างอร่อยอะไรเช่นนี้ กินเสร็จก้อเล่นน้ำ โดดๆๆๆ โดดน้ำกันเข้าไป เล่นน้ำหนำใจก็เตรียมตัวกลับบ้าน ก่อนกลับก็แวะไปไว้พระและชมเจดีย์พุทธคยาสักหน่อย เพื่อชีวิตที่สดใส แล้วก้อเดินทางกลับบ้าน...กลับเข้าสู่เช้าวันจันทร์อันแสนโหดร้าย...ไม่อยากกลับเลยจริง ๆ...วันเวลาแห่ีงความสุขใันช่างผ่านไปอย่างรวดเร็วจริง ๆ จะเหลือก็แต่ภาพถ่าย และความทรงจำที่ยังอยู่กับเรา....

นครราชสีมา : Primo Posto - ปันนาบุรี

บันทึกการเดินทาง ตอน วันพักผ่อนอันแสนสงบ
นครราชสีมา : Primo Posto - ปันนาบุรี
29-30 พ.ย. 2552

          อยากจะหลบความวุ่นวายในเมืองกรุงสักพัก และต้องการความสงบอย่างแรง ด้วยปัจจัยหลาย ๆ อย่างที่ไม่สามารถไปไกลได้มากกว่านี้ จึงลงเอยด้วย "เขาใหญ่" ก่อนจะมาก็ไม่ได้วางแผนอะไรมากมาย แค่อยา่กมา ChilL ChilL เท่านั้น หลังจากได้ยินชื่อเสียงของร้านกาแฟท่ามกลางหุบเขา "Primo Posto" มาตั้งนาน ก็เพิ่งได้มีโอกาสแวะเข้ามาทักทาย เป็นร้านกาแฟที่ตกแต่งด้วยสไตล์ยุโรป อาจจะแปลกตาสำหรับคนที่ไม่เคยเดินทางไปแถบยุโรป แต่อากาศนี่สิเป็นปัญหาอย่างหนัก เพราะที่นี่คือเมืองไทย อากาศร้อนมากมาย จนแทบไม่อยากลงจากรถ แต่ก็มาถึงแล้วอ่ะนะ เค้าไม่ได้ให้เข้าชมฟรีนะคะคุณ ต้องผ่านด่านด้วยคูปองในราคา 50 บาท แต่ก็ไม่ได้จ่ายฟรี ๆ นะคะ คูปองที่ได้รับนั้นสามารถนำไปแลกเป็นอาหาร เครื่องดื่ม หรือไอศครีมก็ได้ ภายในมูลค่าคูปอง


          ผู้คนมากมายที่นี่ ต่างก็อยากจะมาชมบรรยากาศเหมือนกับเรานี่แหล่ะ จุดประสงค์หลักก็คือมาถ่ายรูป ข้างหน้าของร้านประกอบด้วยร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านไอศครีม และร้านขายของที่ระลึก ข้างหลังร้านก็จะเป็นไร่องุ่น ตอนนี้องุ่นออกผลแล้ว กำลังเป็นลูกองุ่นน้อย ๆ พอถ่ายรูปจนสบายใจ ก็ไปหม่ำ ๆ ไอศครีม เพื่อมูลค่าของคูปองจะได้ไม่สูญเปล่า...เสร็จสิ้นภาระกิจ



     จากนั้นก็มุ่งสู่ ปันนาบุรี (Little Pai) เป็นรีสอร์ทเล็ก ๆ แต่น่ารักมั้กมาก ครั้งที่ 2 ของการมาที่นี่ ก็ยังคงมากับเพื่อนอยู่ ครั้งต่อไปจะต้องมากับหวานใจให้ได้ แต่ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่...T_T คืนนี้คืนวันอาทิตย์ มีเพียงบ้านที่เราอยู่ กับครอบครัวเจ้าของรีสอร์ทเท่านั้น ชอบบรรยากาศมาก ๆ เงียบสงบตรงกับ concept ของทริปนี้ ไม่มีเครื่องอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ไม่มีแม้กระทั่งอาหารให้รับประทาน แต่สุดท้าย...ก็ได้แกงจืดแตงกวา กระเพราไก่ และไข่เจียว อาหารค่ำที่แสนธรรมดา ด้วยการสรรหาของแม่ครัว...หลังจากท้องอิ่ม ก็มานั่งปล่อยอารมณ์หน้าบ้าน แต่น่าเสียดายที่วันนี้มีดาวไม่ทั่วท้องฟ้า...เธอเห็นท้องฟ้านั่นไหม ฉันเก็บเอาไว้ให้เธอ...........




          ปันนา ==> ไม่รู้ความหมายของคำ ๆ นี้ รู้เพียงแต่ว่าเป็นชื่อของเด็กหญิงตัวน้อย ๆ คนหนึ่ง น่ารักเหมาะกับชื่อมาก






          เช้าวันจันทร์ ที่นี่ดูจะไม่วุ่นวายเหมือนกับเมืองหลวง เช้าวันธรรมดากับแหล่งท่องเที่ยวช่างแตกต่างกับวันหยุดโดยสิ้นเชิง ร้านไส้กรอกที่เล็งไว้เมื่อวานกับผู้คนมากมาย เช้านี้ไม่มีแม้แต่คนขาย ร้านอาหารและร้านกาแฟที่เปิดสองข้างทางในเมื่อวาน วันนี้ปิดให้บริการ จะเหลือก็แต่ร้านของชาวบ้านจริง ๆ...แล้วเราก็ได้กล้วยทอดมา้เป็นอาหารเช้าคู่กับโอวัลติน พอประทังท้องได้ถึงเที่ยง...ก็ไปถึงฟาร์มโชคชัย ...อิ่มท้องกับสเต็ก...นม Umm Milk...แล้วก็กลับเข้าสู่โลกแห่งความวุ่นวายอีกครั้ง