วันอาทิตย์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2553

กาญจนบุรี : ล่องแพสังขละบุรี

บันทึกการเดินทาง ตอน ล่องแพสังขละบุรี
3-4 ตุลาคม 2552


          ผู้ร่วมเดินทางในทริปนี้มี 6 คน กับ "วู่หลิง" (รถตู้ขนาดเล็กนำเข้าจากจีน กำลังน้อย ค่อย ๆ ไป) หลังจากรวบรวมสมาชิกได้ครบก็เริ่มต้นการเดินทางกัน ตลอดการเดินทางมีผู้คนสงสัยใน "วู่หลิง" มองตั้งแต่หน้ารถจนท้ายรถ ถ้าเปรียบ "วู่หลิง" เป็นคน ก็มองตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า ไอ้เราก็นั่งขำในความสงสัยของคนอื่น ขับไปเรื่อย ๆ ใจเย็น ๆ จนแวะเติมพลังที่น้ำตกไทรโยกน้อย มันสั่งอาหารเหมือนกันอดอยากมาเป็นปี และเมนูแนะนำก็คือ "ยำเห็ดโคน" เป็นเห็ดป่า แต่เห็ดบ้าอะไรไม่รู้แพงมากมาย ยำจานเดียว มีเห็ดอยู่ประมาณ 2-3 ดอก ราคา 150 บาท (ไม่ได้เคี่ยวนะคะ แต่ขอบ่นนิดนึง) แล้วก็เดินทางต่อ


          
           ระหว่างทางเต็มไปด้วยภูเขา รถเล็กอย่างเราก็ต้องค่อย ๆ ไป จะขึ้นเขาทีก็ต้องลุ้นที สุดท้ายมอเตอร์ไซด์ก้แซงเราไปจนได้ จนมาถึง "จุดชมวิวป้วนปี่ อุทยานแห่งชาติเขาแหลม" บรรยากาศดีมากมาย น่ามากางเต้นท์มาก ลานทุ่งหญ้า ริมแม่น้ำแควน้อย แต่ที่น่าประทับใจที่สุดก็คือ "ห้องอาบน้ำ" แบบ Open Air ไม่มีหลังตาปิด อาบน้ำท่ามกลางธรรมชาติ ถ่ายรูปอย่างอิ่มหนำสำราญแล้วก็เดินทางกันต่อ



           สังขละบุรีนี่ไกลใช่เล่นเลยนะเริ่มต้นการเดินทางประมาณ 9 โมง ถึงปลายทาง Songgraria River Hut & Resort ก็ 5 โมงเย็นได้ สักพักก็มีเรือจาก "ซองกระเรียน้อย" มารับ พอถึงแพได้ก็ไม่พูดหร่ำทำเพลง ลงแพ แล้วโดนไปลอยแพที่กลางแม่น้ำแควน้อย ที่ที่มีแต่เรา 6 คนเท่านั้น สนุกสนานกับการเล่นน้ำท่ามกลางแสงจันทร์ ไม่มีน้ำประปาให้อาบก็อาศัยน้ำแม่น้ำนี่แหล่ะ เล่นเหนื่อยก้อหิว ขึ้นจากน้ำก็กิน ทริปนี้ไม่มีพ่อครัวหัวป่าก์มาทำกับข้าวให้กิน ก็ต้องฝากท้องกับเจ้าของแพ ค่ำคืนนี้อีกยาวไกลจากอาหารหลัก ก็มาถึงเครื่องดื่มประจำทริป "Red Lable" ที่มือเบสส่งมาอภินันทนาการ ด้วยทนแรงกดดันไม่ไหว และแล้วก็มาถึงทีเด็ดของทริปด้วยเกมส์ "Spin The Bottom" ถามอะไร ตอบได้ คำถามเฮฮาตามประสามิตรสหาย แต่เรื่องที่ถามส่วนใหญ่ เรื่องใต้สะดือกันทั้งนั้น (ความลับๆๆๆๆ) หมดขวดก็ได้เวลานอน....คืนที่มืดสงัด มีแต่เสียงเรือกลไฟเป็นเพื่อน.....





           ลืมบอกไป..เมื่อคืนนอนกัน 4 คนบนเตียง แล้วก้อมีหนอนน้อยมันเอาหัวมาทางดิชั้น แล้วก้อเอาหาง เอ้ย ขาพาดกับเพื่อนอีก 2 คน มันช่างทำได้ค่าาา แต่ก็นอนหลับอย่างสนิท เช้ามาไม่อยากจะตื่น อากาศมันช่างดีอะไรเช่นนี้ แถมฝนตกพรำ ๆ ไม่นานฝนก็หายไป ตื่นมาก้อกิน ข้าวต้มหมูในยามท้องว่างช่างอร่อยอะไรเช่นนี้ กินเสร็จก้อเล่นน้ำ โดดๆๆๆ โดดน้ำกันเข้าไป เล่นน้ำหนำใจก็เตรียมตัวกลับบ้าน ก่อนกลับก็แวะไปไว้พระและชมเจดีย์พุทธคยาสักหน่อย เพื่อชีวิตที่สดใส แล้วก้อเดินทางกลับบ้าน...กลับเข้าสู่เช้าวันจันทร์อันแสนโหดร้าย...ไม่อยากกลับเลยจริง ๆ...วันเวลาแห่ีงความสุขใันช่างผ่านไปอย่างรวดเร็วจริง ๆ จะเหลือก็แต่ภาพถ่าย และความทรงจำที่ยังอยู่กับเรา....

นครราชสีมา : Primo Posto - ปันนาบุรี

บันทึกการเดินทาง ตอน วันพักผ่อนอันแสนสงบ
นครราชสีมา : Primo Posto - ปันนาบุรี
29-30 พ.ย. 2552

          อยากจะหลบความวุ่นวายในเมืองกรุงสักพัก และต้องการความสงบอย่างแรง ด้วยปัจจัยหลาย ๆ อย่างที่ไม่สามารถไปไกลได้มากกว่านี้ จึงลงเอยด้วย "เขาใหญ่" ก่อนจะมาก็ไม่ได้วางแผนอะไรมากมาย แค่อยา่กมา ChilL ChilL เท่านั้น หลังจากได้ยินชื่อเสียงของร้านกาแฟท่ามกลางหุบเขา "Primo Posto" มาตั้งนาน ก็เพิ่งได้มีโอกาสแวะเข้ามาทักทาย เป็นร้านกาแฟที่ตกแต่งด้วยสไตล์ยุโรป อาจจะแปลกตาสำหรับคนที่ไม่เคยเดินทางไปแถบยุโรป แต่อากาศนี่สิเป็นปัญหาอย่างหนัก เพราะที่นี่คือเมืองไทย อากาศร้อนมากมาย จนแทบไม่อยากลงจากรถ แต่ก็มาถึงแล้วอ่ะนะ เค้าไม่ได้ให้เข้าชมฟรีนะคะคุณ ต้องผ่านด่านด้วยคูปองในราคา 50 บาท แต่ก็ไม่ได้จ่ายฟรี ๆ นะคะ คูปองที่ได้รับนั้นสามารถนำไปแลกเป็นอาหาร เครื่องดื่ม หรือไอศครีมก็ได้ ภายในมูลค่าคูปอง


          ผู้คนมากมายที่นี่ ต่างก็อยากจะมาชมบรรยากาศเหมือนกับเรานี่แหล่ะ จุดประสงค์หลักก็คือมาถ่ายรูป ข้างหน้าของร้านประกอบด้วยร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านไอศครีม และร้านขายของที่ระลึก ข้างหลังร้านก็จะเป็นไร่องุ่น ตอนนี้องุ่นออกผลแล้ว กำลังเป็นลูกองุ่นน้อย ๆ พอถ่ายรูปจนสบายใจ ก็ไปหม่ำ ๆ ไอศครีม เพื่อมูลค่าของคูปองจะได้ไม่สูญเปล่า...เสร็จสิ้นภาระกิจ



     จากนั้นก็มุ่งสู่ ปันนาบุรี (Little Pai) เป็นรีสอร์ทเล็ก ๆ แต่น่ารักมั้กมาก ครั้งที่ 2 ของการมาที่นี่ ก็ยังคงมากับเพื่อนอยู่ ครั้งต่อไปจะต้องมากับหวานใจให้ได้ แต่ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่...T_T คืนนี้คืนวันอาทิตย์ มีเพียงบ้านที่เราอยู่ กับครอบครัวเจ้าของรีสอร์ทเท่านั้น ชอบบรรยากาศมาก ๆ เงียบสงบตรงกับ concept ของทริปนี้ ไม่มีเครื่องอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ไม่มีแม้กระทั่งอาหารให้รับประทาน แต่สุดท้าย...ก็ได้แกงจืดแตงกวา กระเพราไก่ และไข่เจียว อาหารค่ำที่แสนธรรมดา ด้วยการสรรหาของแม่ครัว...หลังจากท้องอิ่ม ก็มานั่งปล่อยอารมณ์หน้าบ้าน แต่น่าเสียดายที่วันนี้มีดาวไม่ทั่วท้องฟ้า...เธอเห็นท้องฟ้านั่นไหม ฉันเก็บเอาไว้ให้เธอ...........




          ปันนา ==> ไม่รู้ความหมายของคำ ๆ นี้ รู้เพียงแต่ว่าเป็นชื่อของเด็กหญิงตัวน้อย ๆ คนหนึ่ง น่ารักเหมาะกับชื่อมาก






          เช้าวันจันทร์ ที่นี่ดูจะไม่วุ่นวายเหมือนกับเมืองหลวง เช้าวันธรรมดากับแหล่งท่องเที่ยวช่างแตกต่างกับวันหยุดโดยสิ้นเชิง ร้านไส้กรอกที่เล็งไว้เมื่อวานกับผู้คนมากมาย เช้านี้ไม่มีแม้แต่คนขาย ร้านอาหารและร้านกาแฟที่เปิดสองข้างทางในเมื่อวาน วันนี้ปิดให้บริการ จะเหลือก็แต่ร้านของชาวบ้านจริง ๆ...แล้วเราก็ได้กล้วยทอดมา้เป็นอาหารเช้าคู่กับโอวัลติน พอประทังท้องได้ถึงเที่ยง...ก็ไปถึงฟาร์มโชคชัย ...อิ่มท้องกับสเต็ก...นม Umm Milk...แล้วก็กลับเข้าสู่โลกแห่งความวุ่นวายอีกครั้ง